ข่าวกีฬาทั่วโลก แบล็กโกลด์ หรือ ดำดอตดอม บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยไทยค่าตัว 4 ล้านบาท

ข่าวกีฬาทั่วโลก สุดยอดตำนานนักชกมวยไทยที่ดังที่สุดในประเทศไทย บัวขาว บัญชาเมฆ
ข่าวกีฬาทั่วโลก บทความกีฬาที่น่าสนใจ หากกล่าวถึงวงการ กีฬามวย ใน ประเทศไทย คงไม่มีใครไม่รู้จักนัก มวยไทย ที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก ณ เวลานี้ อย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ (Buakaw Banchamek) นักมวยไทยที่มีค่าตัวการชก 4 ล้านบาท ต่อให้ใครต่อใครไม่ได้ติดตาม หรือไม่ได้อยู่ใน วงการมวยไทย ก็ต้องเคยได้ยินชื่อ และเห็นเห็นหน้าคร่าตาผ่านช่องทางทีวี และโซเชียลออนไลน์อย่างแน่นอน
บัวขาวเป็นสุดยอดตำนานนักชกมวยไทย ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี จากความมุ่งมั่น ขยัน อดทน ฝึกฝนวิชามวยอย่างเอาจริงเอาจัง เข้มข้นกับการซ้อม ชกมวยด้วยสไตล์ บู๊ ดุดัน เดินอัด เดินเบียดคู่ชก ทำให้บัวขาวประสบความเส็จอันสูงสุดที่สุดของวงการมวยไทย
สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว บัญชาเมฆ เกิดวันที่ 8 พฤษภาคม 2525 ชาวจังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันอายุ 40 ปี โดยเริ่มชกมวยตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และเมื่อายุ 15 ปี บัวขาวได้ย้ายเข้ามาสู่กรุงเทพ ฯ เข้าสังกัดค่ายมวย ป.ประมุข
ข่าวกีฬาทั่วโลก บัวขาวดังไกลถึต่างแดน
บัวขาวได้รับการยอมรับจาก ประเทศญี่ปุ่น และ ทวีปยุโรป ในปี 2547 บัวขาวได้เดินทางไปชกที่ญี่ปุ่น ในรายการแข่งขันศึก K-1 World Max จากการเอาชนะการแข่งขันรายการ ศึกมวยมาราธอน โตโยต้า ในรุ่นน้ำหนัก 140 ปอนด์ ที่เวทีสนามมวยลุมพินี
ฟอร์มการชกของบัวขาว ทำให้เข้าตาแมวมองโปรโมเตอร์ผู้จัดมวยชาวญี่ปุ่น ทำให้บัวขาวได้ก้าวไปสู่สังเวียน คิกบ็อกซิ่ง K-1 ของญี่ปุ่น และการแข่งขันรายการนี้ ทำให้เป็นจุดกำเนิดความโด่งดังเปรี้งปร้างของบัวขาว ด้วยการคว้าแชมป์เปียนศึก K-1 World Max ปี 2547 ในการเจอกับนักชกจาก ประเทศออสเตรเลีย จอห์น เวย์น พาร์ พร้อมกับรับเงินรางวัลจำนวน 12 ล้านบาท
ถือเป็นจุดกำเนิดให้คนต่างชาติได้รู้จัก และตั้งฉายาวให้กับบัวขาวในนาม แบล็กโกลด์ หรือ ดำดอตดอม นอกจากนี้ยังเป็นที่กอบโกยรายได้อย่างมหาศาล ด้วยค่าตัวการชกแต่ละไฟต์อยู่ที่ประมาณ 1.2 – 1.5 ล้านบาท ไม่รวมเงินรางวัลชนะเลิศ
บัวขาวจะขึ้นชกมวยที่ต่างประเทศประมาณ 5 ไฟต์เท่านั้น เนื่องจากต้องใช้พละกำลังค่อนข้างมากในการขึ้นชกแต่ละไฟต์ ซึ่งบัวขาวได้เดินสายโชว์ตัวตามงานต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ส่งเสริมศิลปะแม่ไม้มวยไทย พร้อมกับการขึ้นชกมวย โดยมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
ในปี 2555 บังขาวได้ก้าวขึ้นไปสู่รอบชิงชนะเลิศศึก K-1 World Max อีกครั้ง โดยเจอกับคู่ชกจาก ประเทศอังกฤษ แอนดี้ ซอเยอร์ และเป็นฝ่ายของแอนดี้เอาชนะคะแนนไปได้อย่างค้านสายตาแฟน ๆ หมัดมวย
ซึ่งการแข่งขันในไฟต์นี้ ยกที่ 1 ต่างฝ่ายต่างดูเชิงชิงไหวชิงพริบ ยังไม่ค่อยออกอาวุธกันมากเท่าไหร่ แต่ด้วยชั้นเชิงกระดูกมวย บัวขาวเหนือชั้นกว่าคู่ต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด ด้วยการหักเหลี่ยมคู่ต่อสู้ล้มไปก่อนจะหมดเวลาในยกแรก
ในยกที่ 2 บัวขาวยังชกได้ตามารตฐาน ทำให้คู่ต่อสู้ไม่ค่อยมีจังหวะได้สวนกลับอย่างชัดเจนสักเท่าไหร่ และบัวขาวก็ยังอาศับชั้นเชิงชิงหักเหลี่ยมคู่ต่อสู้ล้มไปถึง 3 ครั้ง อีกทั้งยังมีจังหวะสวย ๆ ด้วยการหักคอตีเข่า ถีบหน้าอีกด้วย หลังจากผ่านไป 2 ยก บัวขาวชกได้เหนือกว่าคู่แข่งค่อนข้างมาก
ยกที่ 3 แอนดี้เดินหน้าเข้าใส่บัวขาวตั้งแต่ต้นยก แต่ก็ทำอะไรบัวขาวไม่ได้มากนัก แต่ก็มีจังหวะสวย ๆ เกิดขึ้นจากการที่ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างสาดแข้งเข้าหาพร้อม ๆ กัน และมีจังหวะที่บัวขาวสับศอกใส่หน้า ทำให้เกิดแผลแตกบริเวณใต้ตาขวา และหลังจากจบการชกกรรมการต่างให้คะแนนทั้งคู่เสมอกัน
ทำให้ทั้งคู่ต้องชกอีก 1 ยก เพื่อตัดสิน บัวขาวชกดีกว่าคู่ต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด ออกอาวุธได้เข้าเป้ามากกว่า แถมยังมีลูกเสีบเข่าสวย ๆ ให้เห็นกันอีกด้วย แต่บัวขาวก็แพ้คะแนนไปในที่สุด
ต่อมาในปี 2549 บัวขาวกลับมาชิงชนะเลิศรายการ K-1 World Max ได้อีกครั้ง และถือการการเข้าชิงถึง 3 ปีติดต่อกัน และในครั้งนี้ยอดนักมวยอย่างบัวขาว เป็นฝ่ายคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะนักชกจากประเทศ กรีซ อย่าง ไมค์ แซมบิดิส พร้อมกับรับเงินรางวัล 10 ล้านบาท
จากนั้นในปี 2550 ทาง K-1 World Max ได้ประกาศออกกฎกกิตาขึ้นใหม่ว่า ห้ามออกอาวุธด้วยศอกและเข่า ทำให้บัวขาวแพ้การแข่งขัน ตกรอบ 8 คนสุดท้ายในปีนั้น และในปี 2551 และ 2552 บัวขาวไม่สามารถโชว์ฟอร์มผ่านเข้าไปแข่งในรอบชิงชนะเลิศได้อีก
จนกระทั้ง K-1 World Max ประสบปัญหาทางด้านการเงิน ทำให้ต้องยกเลิกการจัดแข่งขัน อีกทั้งสัญญาของบัวขาวกับ K-1 ได้หมดลง ทำให้บัวขาวสามารถเดินสายโชว์ตัวที่ทวีปยุโรป
บัวขาว ในศึก THAI FIGHT
ในปีต่อมาเกิดประเด็นข่าวดังไปทั่วประเทศไทย ในช่วงการแข่งขันรายการ THAI FIGHT ปีที่ 2 ซึ่งบัวขาวได้หายตัวไปจากค่ายมวย ป.ประมุข อย่างไร้ร่องรอย ซึ่งบัวขาวนั้นมีคิวขึ้นชกมวยในไทย และต่างประเทศอย่าง ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอังกฤษ และประเทศญี่ปุ่น ทำให้รายการแข่งขันต้องถูกยกเลิกไปทั้งหมด
จากนั้นบัวขาวได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะชนอีกครั้ง พร้อมกับให้เหตุผลที่ทำให้ต้องออกจากค่ายมวยไปในตอนนั้น เกิดจากปัญหาการแบ่งค่าตัวกับทางค่าย ซึ่งเป็นปัญหามาตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งมาจากการเปลี่ยนหัวหน้าค่ายมวย
บัวขาวได้ประกาศว่า พร้อมที่จะขึ้นชกมวย THAI FIGHT ในรอบชิงชนะเลิศ ที่จัดขึ้น ณ แหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา ซึ่งทางค่ายมวยนั้น ไม่อนุญาตให้บัวขาวขึ้นชกรายการดังกล่าว และถ้าหากบัวขาวขึ้นชกจะเป็นการผิดสัญญากับทางค่าย
แต่บัวขาวขึ้นชกมวยไมยรายการ THAI FIGHT ในฐานะแชมป์เก่า โดยเจอกับนักชกจาก ประเทศรัสเซีย รัสเต็ม ซารีปอฟ และเอาชนะน็อคคู่ต่อสู้ไปในยกที่ 2 และบัวขาวก็ได้ลั่นวาจาว่า ถึงแม้จะต้องติดคุก ผมก็ยอม โดยบัวขาวขึ้นชกเพื่อแฟน ๆ หมัดมวยที่ต่างให้การสนับสนุนกับเจ้าตัวตลอดมา
หลังจากการชกในวันนั้น บัวขาวได้กลับไปบวชพระที่จังหวัดบ้านเกิด และหลังจากที่บัวขาวลาสิกขา เจ้าตัวและค่ายมวย ป.ประมุข ได้หันหน้าเคลียร์ประเด็นปัญหาการแบ่งสรรผลประโยชน์กันใหม่
ซึ่งทางบัวขาวจะได้รับค่าตัวมากกว่าเดิม ตามที่ตัวเองต้องการ จากการชกมวย และการโชว์ตัว แต่ก็ยังไม่จบปัญหาอยู่ดี ต่อมาได้มีการนัดเคลียร์กันอีกครั้ง และบัวขาวก็ได้ตัดสินใจประกาศเลิกชกมวยในวันนั้น เพื่อเป็นการจบปัญหาเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นบัวขาวได้เปิดค่ายมวยของตัวเองโดยใช้ชื่อ บัญชาเมฆ พร้อมกับใช้ชื่อชกว่า บัวขาว บัญชาเมฆ และได้เซ็นสัญญาร่วมกับค่ายมวย ป.ประมุข อีกครั้งเป็นระยะเวลา 5 ปี
ผลงานเกียรติประวัติการชกมวย
- ปี 2544 แชมป์มวยไทยประเทศไทย รุ่นเฟเธอร์เวท สนามมวยลุมพินี
- ปี 2004 และ 2006 แชมป์ K-1 World MAX champion
- ปี 2553 แชมป์ Shoot Boxing S-Cup World champion คนไทยคนแรก และคนเดียวในประเทศไทย
- ปี 2549, 2552, 2554, 2557 แชมป์สภามวยไทยโลกในพระบรมราชูปถัมภ์ WMC World champion
- ปี 2557 แชมป์ สภามวยโลก WBC Muaythai Diamond World Championship
- ปี 2545 แชมป์ ไหว้ครูมวยไทยสวยงาม สนามมวยลุมพินี
- ปี 2554, 2555 แชมป์มวยไทยไฟท์ ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
- ปี 2555 ถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่น
- ปี 2557 ถ้วยพระราชทาน กษัตริย์อัลแบร์ตที่ 2 แห่งโมนาโค แชมป์ “มอนติคาโล ไฟต์ติง มาสเตอร์